วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สถาปัตยกรรม

สถาปัตยกรรม(Architecture)
              เป็นผลงานทัศนศิลป์ประเภท  3 มิติ  ที่เกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ด้านต่างๆของมนุษย์ ซึ่งจำแนกได้ดังนี้

       1.สถาปัตยกรรมแบบเปิด  หมายถึง  สถาปัตยกรรมที่มนุษย์สามารถเข้าไปใช้สอยได้ เช่น สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา  ที่พักอาศัย  อาคารเรียน  ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ลักษณะรูปแบบมักจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขด้านสภาพภูมิศาสตร์ประโยชน์ใช้สอย แบบแผนการดำเนินชีวิตและคติความเชื่อ 
 

พระที่นั่งอนันตสมาคม  รายละเอียดเป็นอาคารหินอ่อนศิลปะสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกหลังนี้ เริ่มก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.2450 ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่รับรองแขก 


       2.สถาปัตยกรรมแบบปิด  หมายถึง สถาปัตยกรรมที่มนุษย์ที่มีชีวิตไม่สามารถเข้าไปใช้สอยได้ส่วนใหญ่จะสร้างเพื่อตอบสนองความเชื่อเป็นสำคัญ เช่น การก่อสร้างพีระมิดของอารยธรรมอียิปต์ และพระธาตุเจดีย์

                                       พีระมิดของอารยธรรมอียิปต์  สร้างเพื่อบรรจุของพระศพของฟาโรห์  

ประติมากรรม

ประติมากรรม(Sculpture)

              เป็นการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ที่เกิดจากกระบวนการปั้น การแกะ การหล่อ การเชื่อมติด เพื่อให้เกิดรูปทรงที่สัมผัสได้ในลักษณะ  3  มิติภายใต้ความต้องการของศิลปินที่เรียกว่า  ประติมากร
ในทางรูปแบบนั้นประติมากรรมจำแนกได้ 3 แบบตามลักษณะการมองเห็น คือ ประติมากรรมนูนต่ำ ประติมากรรมนูนสูง  และประติมากรรมลอยตัว

1.ประติมากรรมนูนต่ำ(Bass Relief)
     เป็นประติมากรรมทีมีความแตกต่างระหว่างรูปกับพื้นซึ่งเป็นฐานของงานน้อยมาก และจะสามารถชื่นชมผลงานได้เพียงด้านหน้าด้านเดียว ส่วนด้านข้างจะไม่สามารถมองเห็นเป็นรูปทรง ได้แก่ เงินเหรียญ พระเครื่อง เป็นต้น



2.ประติมากรรมนูนสูง(High Relief)
     เป็นประติมากรรมที่มีความแตกต่างระหว่างรูปและฐานรองรับในระดับสูงจนสามารถที่จะสัมผัสชื่นชมความงามทั้งด้านหน้าและด้านข้าง แต่ก็ยังผนึกตัวเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นฐาน  ได้แก่ ผลงานประติมากรรมฐานอนุสาวรีย์ ประตูสลักไม้ตามโบสถ์


                                                           
                                                                 ผลงานของคุณ ชิตพล พ่ออามาตย์

3.ประติมากรรมลอยตัว(Round Relief)
     เป็นประติมากรรมที่สามารถมองเห็นและสัมผัสได้ทุกด้าน ซึ่งมักจะตั้งบนฐานรองรับที่เหมาะสมกับผลงาน เช่น อนุสาวรีย์ พระพุทธรูป ซึ่งทั้งนี้รวมถึงประติมากรรมที่แขวน หรือที่เรียกว่าโมไบล์(Mobile)


                         ปิเอต้า (Pieta) เป็นผลงานประติมากรรมของมิเคลันเจโล

การจำแนกกลวิธีทางประติมากรรม
     การจำแนกกลวิธีทางประติมากรรมนั้นสามารถจำแนกได้ 3 กลวิธีใหญ่ ดังนี้
          1.กระบวนการทางบวก(Additive Process)  การสร้างงานประติมากรรมโดยเอาส่วนย่อยเพิ่มเข้าเพื่อให้ได้ส่วนรวมตามต้องการ
          2.กระบวนการทางลบ(Subtractive Process) การสร้างงานประติมากรรมโดยเอาส่วนย่อยออกจากส่วนรวม ได้แก่การแกะสลัก 
          3.กระบวนการผสมผสาน(Mixed Process) การสร้างงานประติมากรรมที่เป็นการคิดค้นแก้ปัญหาของประติมากรในด้านวัสดุ  อุปกรณ์  และวิธีการ เพื่อให้ผลงานออกมาตามความมุ่งหวัง

จิตรกรรม

จิตรกรรม
              เป็นการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์บนพื้นระนาบรองรับ ด้วยการลาก ป้าย ขีด ขูด  ซึ่งจำแนกตามลักษณะผลงานเป็น 2 ประเภท

       1.จิตรกรรมภาพวาด(Drawing)   จิตรกรรมภาพวาดเรียกเป็นศัพท์ทางทัศนศิลป์ได้หลายคำ  คือ ภาพวาดเขียน ภาพวาดเส้น ซึ่งหมายถึงผลงาน  2 มิติ บนพื้นระนาบที่สำเร็จลงด้วยการจำแนกค่าน้ำหนัก ของสีใดสีหนึ่ง อันได้จากวัสดุหลักของการวาดภาพคือ  ดินสอดำ ผงถ่านกราไฟต์ สีชอล์คเป็นต้น



       2.จิตรกรรมภาพเขียน(Painting)  ภาพเขียนเป็นการสร้างงาน 2 มิติ บนพื้นระนาบด้วยสีหลายสี ซึ่งจะมีสื่อตัวกลางระหว่างวัสดุกับอุปกรณ์ที่ใช้เขียน การเรียกชื่อกลวิธีภาพเขียนจะเรียกตามสื่อวัสดุเป็นสำคัญ เช่น การเขียนภาพสีน้ำ การเขียนภาพสีน้ำมัน การเขียนภาพสีอะคริลิค เป็นต้น ซึ่งต่างก็เรียกตามชื่อของวัสดุนั้น


ทัศนศิลป์(Visual Art)

การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ ศิลปกรรมที่ชื่นชมความงามทางสายตา
1.ความหมายของทัศนศิลป์ ( Visual Art )
       ทัศนศิลป์ หมายถึง ผลงานที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นให้เห็นเป็นรูปทรง 2 มิติ และ 3 มิติ มีเนื้อที่ของปริมาตรและเนื้อที่บริเวณว่างตามปริมาณของการรับรู้  ที่มีลักษณะเป็น 2 มิติ และ 3 มิติ และที่สำคัญ คือ เป็นงานศิลปะมองเห็นได้นั่นเอง
2.การจำแนกประเภทของงานทัศศิลป์
       2.1ทัศนศิลป์ประเภท  2 มิติ
       2.2ทัศนศิลป์ประเภท  3 มิติ
       2.3ทัศนศิลป์ประเภทอื่นๆ
การแบ่งประเภทของงานทัศนศิลป์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ใหญ่ๆ คือ จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม
      
จิตรกรรม
              เป็นการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์บนพื้นระนาบรองรับ ด้วยการลาก ป้าย ขีด ขูด  ซึ่งจำแนกตามลักษณะผลงานเป็น 2 ประเภท
       1.จิตรกรรมภาพวาด(Drawing)
       2.จิตรกรรมภาพเขียน(Painting)
ประติมากรรม(Sculpture)
              เป็นการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ที่เกิดจากกระบวนการปั้น การแกะ การหล่อ การเชื่อมติด เพื่อให้เกิดรูปทรงที่สัมผัสได้ในลักษณะ  3  มิติภายใต้ความต้องการของศิลปินที่เรียกว่า  ประติมากร
ในทางรูปแบบนั้นประติมากรรมจำแนกได้ 3 แบบตามลักษณะการมองเห็น คือ ประติมากรรมนูนต่ำ ประติมากรรมนูนสูง  และประติมากรรมลอยตัว
1.ประติมากรรมนูนต่ำ(Bass Relief)
2.ประติมากรรมนูนสูง(High Relief)
3.ประติมากรรมลอยตัว(Round Relief)
สถาปัตยกรรม(Architecture)
              เป็นผลงานทัศนศิลป์ประเภท  3 มิติ  ที่เกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ด้านต่างๆของมนุษย์ ซึ่งจำแนกได้ดังนี้
       1.สถาปัตยกรรมแบบเปิด
       2.สถาปัตยกรรมแบบปิด
3.ลักษณะรูปแบบทัศนศิลป์(Visual Art Style)
       รูปแบบงานทัศนศิลป์ หมายถึง ปรากฏการณ์อันเกิดจากการผสมผสานรวมกันระหว่างทัศนธาตุ(Visual Element) เมื่อทัศนธาตุผสานกันจนกลายเป็นงานทัศนศิลป์แล้วนั้น  รูปแบบของผลงานทัศนศิลป์งานทัศนศิลป์ที่ออกมาจึงมีความหลากหลาย  อันเป็นไปตามแรงสร้างสรรค์ของศิลปินแต่ละคนแต่ละกลุ่ม
       แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นงานทัศนศิลป์ลัทธิใดหรือกลุ่มใด ต่างก็มีรูปแบบที่จำแนกได้ 3 รูปแบบคือ
       1.รูปแบบแสดงความเป็นจริง(Realistic Form)
       2.รูปแบบผันแปรความเป็นจริง(Semi – Realistic  Form)
       3.รูปแบบปราศจากเนื้อหา(Non – Figurative)
4.กลวิธีในการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์(Visual Art Technique)
       กลวิธีในการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์  หมายถึง  กระบวนการสร้างงานทัศนศิลป์ ซึ่งประกอบด้วย  3 ส่วน คือ วัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการ
       วัสดุ หมายถึง สื่อที่ใช้ในการสร้างสรรค์ทัศนศิลป์ซึ่งเป็นสิ่งสิ้นเปลือง  เมื่อใช้แล้วหมดไป วัสดุทัศนศิลป์ เช่น สี กาวลาเท็กซ์ ผ้าใบ เป็นต้น
       อุปกรณ์ หมายถึง เครื่องมือเครื่องใช้ในการจัดการวัสดุให้เป็นไปตามความต้องการของศิลปินซึ่งจะแตกต่างกันไป เช่นอุปกรณ์การเขียนภาพ คือ พู่กัน จานสี อุปกรณ์ในการแกะสลัก คือ สิ่วแกะไม้ ค้อน
       วิธีการ  หมายถึง กระบวนการจัดการระหว่างวัสดุกับเครื่องมือเพื่อให้ได้ผลงานตามความต้องการ ซึ่งก็มีลักษณะพิเศษแตกต่างกันไป